วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

โทรศัพท์สำรองเมื่อมือถือใช้ไม่ได้

คนอเมริกันใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารแทนโทรศัพท์ตามบ้านทั่วไป แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดทำให้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือไม่ว่าระบบใดๆ ได้ จะทำอย่างไร ซึ่งก็ยังดีที่มีบริการ Post A Phone ซึ่งจะส่งโทรศัพท์ที่ใช้สายราคาถูกและใช้งานง่ายให้คุณทางไปรษณีย์ โดยโทรศัพท์ดังกล่าวทำมาจากแผ่นกระดาษรีไซเคิล พลาสติกและกระป๋อง มีความบางมากพอที่จะสอดใส่ช่องจดหมายของตู้จดหมายคือประมาณ 4 มิลลิเมตร และจะส่งตรงถึงผู้รับในซองขนาด A5 ซึ่งเป็นทางออกฉุกเฉินสำหรับความจำเป็นในการสื่อสารดังกล่าว

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ไมโครซอฟท์แนะผู้ใช้ IE อย่างติดตั้ง Netscape 8

การติดตั้ง Netscape 8 โปรแกรม IE จะเกิดปัญหาในการแสดงผลของ Webpage ที่เขียนด้วยภาษา XML โดยจะแสดงผลออกมาเป็นเพจเปล่าปราศจากข้อมูลใดๆ ซึ่งจะรวมถึงเว็บเพจภาษา XML ที่แปลงมาจาก XSLT ด้วย

Toshiba พัฒนาเทคโนโลยีจอ LCD

Toshiba พัฒนาเทคโนโลยีจอ LCD แบบใหม่ที่มีลักษณะทรงกลม เพื่อใช้ใส่ในช่องสำหรับแสดงผลในยานยนต์ แสดงผลได้ถึง 260,000 สี คาดว่าจะมีการนำไปใช้เพื่อการแสดงผลความเร็วรอบเครื่องยนต์และข้อมูลการขับขี่อื่นๆ

วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Google Apps เวอร์ชั่นภาษาไทย


กูเกิลได้ฤกษ์เปิดตัว Google Apps (กูเกิลแอปส์) เวอร์ชันภาษาไทย ชู 3 จุดขายคือหนึ่งไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม เนื่องจากเป็นโปรแกรมออนไลน์ที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน สองคือความสะดวกสบายในการทำงานร่วมกันของผู้ใช้หลายคนซึ่งอยู่คนละที่กัน จุดขายที่สามคือค่าใช้จ่ายแสนถูกตั้งแต่เสียเงินเล็กน้อยไปจนถึงฟรีดิเรก แคลโลว์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงเหตุผลการพัฒนา Google Apps เวอร์ชันภาษาไทย ว่า เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกกว่า 65 % ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก แต่กูเกิลต้องการทำให้ Google Apps เป็นโซลูชันระดับนานาชาติ และในอนาคตจะมีการปรับปรุงคุณสมบัติใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง "Google Apps ออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อองค์กรและโรงเรียนในไทย ที่ต้องการการติดต่อสื่อสาร และแชร์ข้อมูลสารสนเทศ อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้อินเทอร์เฟซภาษาของตัวเอง โดยไม่ต้องยุ่งยากในการติดตั้ง และบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพิ่มเติม"ไม่ต้องลงโปรแกรม Google Apps เป็นชุดแอปพลิเคชันที่ติดตั้งบนเว็บ เช่น อีเมล์, ปฎิทิน และเอกสาร เพื่อช่วยบริษัท สถาบันการศึกษา และองค์กรต่างๆ ที่ต้องการชุดเครื่องมือด้านการสื่อสารคุณภาพสูงสำหรับให้บริการแก่ผู้ใช้โดยไม่ต้องซื้อ ติดตั้ง หรือคอยบำรุงรักษาด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้ยุ่งยากเพียงสมัครใช้งานที่ www.google.com/a องค์กรหรือสถาบันศึกษาสามารถตั้งชื่อโดเมนของตัวเอง สามารถจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้ (distribution list) และนามแฝง(alias) เลือกแสดงชื่อหรือโลโก้ของตัวเองบนหน้าแอปพลิเคชัน และดูแลจัดการรายชื่อผู้ใช้ รวมไปถึงการเลือกบริการที่เหมาะสมแก่สมาชิก เมื่อสมาชิกล็อกอิน (login) ผ่านคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ ก็สามารถเข้าใช้งานระบบได้ทันทีกูเกิลระบุว่า ออกแบบ Google Apps ให้สามารถรองรับปริมาณผู้ใช้และพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนมาก เชื่อว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาระบบให้กับองค์ได้อย่างมหาศาลทำงานพร้อมกันแม้อยู่คนละที่Google Apps จะประกอบด้วยบริการ 3 ส่วนซึ่งทำให้สมาชิกในกลุ่มซึ่งอยู่คนละที่กัน สามารถสื่อสารและส่งข้อมูลถึงกันและกันได้แบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในเรื่องเอกสารที่เพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างและเรียกดู ด้วยการจัดเก็บบนอินเทอร์เน็ตในที่เดียวกันบริการที่หนึ่งคือฟรีอีเมล GMail จุใจด้วยพื้นที่เก็บข้อมูล 2 กิกะไบต์ต่อผู้ใช้หนึ่งคน มีฟังก์ชันค้นหาข้อมูลที่รวดเร็ว ผู้ดูแลระบบสามารถตั้งค่าอีเมลเพื่อใช้กับโดเมนที่มีอยู่ได้ทันทีผ่านทาง Google Apps เช่น user@example.com แทนที่จะใช้เป็น user@gmail.com ตามปกติสองคือบริการปฏิทินงาน Google Calendar โปรแกรมจัดการตารางนัดหมาย ทั้งการประชุมและการเรียกดูปฏิทินงานของเพื่อนร่วมงาน สามคือ Google Docs โปรแกรมงานเอกสารที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างและสื่อสารกันได้แบบทันทีผ่านเบราว์เซอร์ ทั้งโปรแกรมประมวลผลคำ (Word processor) โปรแกรมตารางคำนวณ (Spread sheets) และโปรแกรมนำเสนองาน (Presentation) ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่ให้ผู้ใช้สามารถจัดการ แก้ไข และแลกเปลี่ยนงานนำเสนอได้ในแบบเรียลไทม์ ก่อนจะจัดเก็บงานทั้งหมดไว้บนเว็บในที่เดียวกันช่วยองค์กรลดต้นทุน "Google Apps ให้บริการแก่ผู้ใช้ที่ต้องการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน" ดิเรก กล่าวที่ว่าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลนั้น เป็นเพราะค่าใช้จ่ายสูงสุดที่กูเกิลเรียกเก็บคือ 50 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,750 บาท เพื่อแลกกับพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มองค์กรขนาดเล็ก และสถาบันการศึกษาสามารถใช้งานได้ฟรี Google Apps จะแบ่งออกเป็น 3 เวอร์ชัน หนึ่งคือ Google Apps Standard Edition เป็นบริการฟรีสำหรับธุรกิจ กลุ่มชมรมและองค์กร หรือการใช้งานในครอบครัว สองคือ Google Apps Premier Edition คิดค่าบริการ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท พร้อมมีบริการช่วยเหลือทางโทรศัพท์ ให้พื้นที่สำหรับจัดเก็บอีเมลสูงถึง 10 กิกะไบต์ และมี API พร้อมสำหรับเชื่อมต่อสามคือ Google Apps Education Edition ใช้งานฟรีสำหรับโรงเรียน มหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา พร้อมด้วยฟังก์ชันต่างๆ ครบถ้วนทั้งด้านการช่วยเหลือ การจัดเก็บข้อมูล และ API สำหรับงานพัฒนาต่อยอด

ภัยจากมือถือ...

มือถือ มีความสำคัญมากถึงมากที่สุด จนจะกลายเป็นปัจจัยที่ 6 ในชีวิตไปเสียแล้ว แต่ แม้จะสำคัญเพียงใด ภัยอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือก็มีเยอะขึ้นและเยอะขึ้นทุกๆปีเช่นเดียวกัน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากการใช้ไม่ถูกเวลาและสถานที่ ยกตัวอย่างการใช้ในขณะขับรถ ก็มีคนตายเพราะมือถือมากขึ้น เดินคุยโทรศัพท์เพลินๆ ที่ลับตาคน แล้วถูกชิงโทรศัพท์ก็เป็นข่าวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ที่ร้ายไปกว่านั้นกรณีนักศึกษาสาว มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านถนนรามคำแหง คุยโทรศัพท์มือถือเพลินขณะลงจากรถเมล์ประจำทาง ก้าวพลาดจากบันได ถูกล้อรถบดขยี้เกือบตาย ภัยคุกคามที่มองไม่เห็น เมื่อศัลยแพทย์จุฬาฯระบุ ผลวิจัยของ ฮาร์วาร์ด ที่ได้รับทุนจากบริษัทมือถือสรุปผลออกมาแล้วว่า การใช้โทรศัพท์มือถือส่งผลให้เซลล์มนุษย์เปลี่ยนแปลง และอาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้ ภัยอันตรายที่สำคัญอีกอย่างที่ต้องพึงระวัง ก่อนคุณจะตกเป็นเหยื่อ...เพราะขณะนี้กำลังระบาดและเป็นปัญหาสังคมอย่างหนัก คือการไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอื่น ด้วยอุปกรณ์เสริมที่มือถือมีกล้องถ่ายรูปในตัว ได้ถูกพัฒนาเป็นคลิปวิดีโอหรือภาพนิ่ง สามารถเผยแพร่ไปสู่ผู้อื่นได้ในความเร็วสูง ล่าสุดเหตุการณ์สดๆร้อนๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ถ่ายรูปแบล็กเมล์เจ้าอาวาสวัดดัง หรือกรณีนักเรียนชายโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีกล้อง แอบถ่ายนักเรียนหญิงในโรงเรียน โดยการนั่งกับพื้นแล้ววางโทรศัพท์ไว้ข้างๆ พอนักเรียนหญิงเดินผ่านก็กดถ่าย แล้วนำรูปมาดูกันในหมู่เพื่อน และยังมีอีกมากที่คลิปวิดีโอโชว์เนื้อหนังมังสา ถูกนำมาเผยแพร่เป็นรายวันบนมือถือ หน้าจออินเตอร์เน็ต เรื่องนี้พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เมืองไทยไม่มีกฎหมายอะไรทั้งสิ้นมาดูเรื่องโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นคงต้องเตือนผู้ใช้ เมื่อถูกละเมิดก็มาร้องเรียน ซึ่งก็ต้องมีหลักฐานชัดเจน หากจะห้ามผู้ผลิตนั้นคงเป็นไปไม่ได้เพราะอยู่ที่ผู้ใช้ต้องมีจิตสำนึก ขณะที่ประสิทธิ์ เรืองประดับ นักกฎหมายจากสำนักงานกฎหมายตรีอมร และนิจวรรณ บำรงภักดิ์ นักกฎหมายจากสำนักงานสมมาตรและเพื่อน กล่าวถึงกรณีที่มีผู้นำรูปแอบถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือ มาลงในเว็บไซต์ หรือส่งรูปต่อให้เพื่อนบนมือถือ ว่า ถือเป็นการละเมิด ผิดทั้งกฎหมายแพ่งและอาญา แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าผู้ถูกแอบถ่ายอย่างชัดเจนก็ตาม แต่หากคนใกล้ชิดมองดู แล้วรู้ว่ารูปดังกล่าวเป็นใคร ก็อาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายไ "แค่แอบถ่ายภาพคนอื่นก็ผิดแล้ว ถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพทางร่างกาย มีโทษทางกฎหมายแพ่ง ยิ่งถ้านำไปเผยแพร่ให้ได้รับความอับอาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ก็จะเกิดโทษหนักขึ้นไป เป็นโทษหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญา" ขณะที่ผู้ปกครองที่รอรับลูกโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง(สุขาภิบาล3) ให้ความเห็นน่ารับฟังว่า ปัจจุบันภัยร้ายที่เกิดจาก "มือถือติดกล้อง" ได้คุกคามไปทั่วโลก บางประเทศได้ออกมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด เช่น ญี่ปุ่น ,เกาหลี กำหนดให้ผู้ผลิต ตั้งเสียงกดชัตเตอร์จากกล้องโทรศัพท์มือถือให้ดังเป็นพิเศษ เพื่อเตือนคนรอบข้างให้รู้ว่า กำลังมีการถ่ายภาพเกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่สิงคโปร์, จีน, ไอร์แลนด์, สกอตแลนด์ ซึ่งมีกฎระเบียบห้ามใช้ "มือถือติดกล้อง" ในสถานที่ราชการหรือสถานศึกษาต่างๆ เรียบร้อยแล้ว